แรงบันดาลใจเนื่องจากผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ใช้ดวงตาจ้องมองไปที่โทรศัพท์มือถือ และหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในแต่ละวันโดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียในระยะยาวต่อดวงตา รวมถึงไม่ได้บริโภคสารอาหารที่ดวงตาต้องใช้ในแต่ละวันอย่างเพียงพอ จึงอาจก่อปัญหาตาแห้ง ต้อเนื้อ จอตาอักเสบและปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้องกับดวงตาตามมาจนยากที่จะแก้ไขให้กลับดีดังเดิม และอีกประการหนึ่งก็คือพระสงฆ์จำนวนมากอาพาตด้วยปัญหาของโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก จึงต้องทำการบ้านและอ่านงานวิจัยเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยไม่ใช้สารเคมี
ส่วนประกอบใน 1 ซอฟเจล
น้ำมันฟักข้าว 200 mg.
น้ำมันเมล็ดฟักทอง 200 mg.
แอสต้าแซนทิน(สารสกัดจากสาหร่ายแดง) 50 mg.
ไลโคปีน ( สารสกัดจากมะเขือเทศ) 50 mg.
ทำไมต้องเป็น 4 ชนิดรวมกัน
- น้ำมันฟักข้าว
สุดยอดสารสกัดในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่พาชาวเวียตนามรอดพ้นจากวิกฤตฝนเหลืองจากสงครามมาได้ ซึ่งมีสารเบต้าแคโรทีนสูงกว่าแครอท 10 เท่า และมีสารไลโคปินสูงกว่ามะเขือเทศ 70 เท่า
- ไลโคพีน (Lycopene)
สารสกัดจากมะเขือเทศ นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ทรงพลัง มีประสิทธิภาพดีกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า และดีกว่าแอลฟาโทโคฟีรอลถึง 10 เท่า ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวพรรณสดชื่นดูมีเลือดฝาดอมชมพู สุขภาพดี ลดการเกิดฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิ
ภาพ นอกจากนี้ไลโคพีน (Lycopene) ยังสามารถปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสี UVA และ UVB ลดอาการผิวไหม้จากแดด ช่วยลดริ้วรอย ความหมองคล้ำและผิวแห้งกร้านได้ ทั้งยังช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพในเซลล์ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วยแต่ร่างกายไม่อาจสังเคราะห์ไลโคพีนได้เอง จึงจำเป็นต้องกินจากผัก ผลไม้ เช่น มะเขือเทศในปริมาณมากและกินอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
- แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin)
สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าวิตามินซีถึง 600 เท่าเมื่อเทียบกันแบบกรัมต่อกรัม ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ที่รู้จักกันค่อนข้างน้อยที่ชื่อว่า Astaxanthin (แอสตาแซนทิน) ในขณะนี้มันถูกเชื่อว่าเป็นสารสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่ดีที่สุดเท่าที่ธรรมชาติได้สร้างมา ประโยชน์ของ Astaxanthin มีมากมายมหาศาลเริ่มต้นตั้งแต่การป้องกันรังสียูวี ไปจนถึงสุขภาพดวงตา สุขภาพจิต การได้ยิน สุขภาพหลอดเลือด สุขภาพสมอง รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการกีฬา
- น้ำมันเมล็ดฟักทอง
หากคุณต้องการต่อสู้กับโรคตลอดทั้งปี น้ำมันเมล็ดฟักทองเป็นหนึ่งในหลายองค์ประกอบที่มีประโยชน์ในการรักษา และใช้เป็นประจำทุกวันเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ทริปโตเฟนเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในระดับแชมป์เปี้ยนที่มอบประโยชน์มากมายให้กับทั้งชายและหญิง เมื่อน้ำมันจากเมล็ดเล็ก ๆ เหล่านี้ถูกสกัดออกมาอย่างถูกต้อง (ไม่กลั่น) ความเป็นไปได้ของประโยชน์จะไม่มีที่สิ้นสุด ปริมาณที่สูงของ carotenoids และวิตามินที่ละลายน้ำได้ในน้ำมันเมล็ดฟักทองได้รับการพิจารณาว่าเป็นส่วนผสมที่เหมาะสมสำหรับการป้องกันการเจ็บป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรคต่อมลูกหมาก นอกจากนี้การวิจัยได้แสดงให้เห็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ดิ้นรนกับผมร่วง เบาหวาน และแม้แต่มะเร็ง น้ำมันเมล็ดฟักทองหรือที่เรียกว่าน้ำมัน pepita เป็นน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดฟักทอง ฟักทองมีสองประเภทหลัก หนึ่งคือ Cucurbita pepo และอีกหนึ่งคือ Cucurbita maxima กระบวนการสกัดน้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถทำได้มากกว่าหนึ่งวิธี คุณต้องเลือกน้ำมันที่ถูกบีบเย็นซึ่งหมายความว่าน้ำมันถูกสกัดออกมาจากเมล็ดฟักทองโดยใช้แรงดันมากกว่าความร้อน วิธีการสกัดแบบบีบเย็นเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะช่วยให้น้ำมันสามารถเก็บสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างดี
8 ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดฟักทอง
- ลดการอักเสบ
- โภชนาการเสริมสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- ดีต่อสุขภาพต่อมลูกหมาก
- ส่งเสริมสุขภาพจิต
- ต่อสู้กับผมร่วงในผู้ชาย
- ดีต่อสุขภาพของหัวใจ
- ช่วยจัดการโรคเบาหวาน
- บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไป
ใครจะได้รับประโยชน์จาก GLAP บ้าง
ผู้ที่มีกิจกรรมหรือปัญหาดังต่อไปนี้
– ดูหน้าจอเป็นเวลานาน
– วุ้นในตาเสื่อม
– ต้อเนื้อ ต้อหิน
– เบาหวาน
– ต่อมลูกหมากโต
– มะเร็ง
– ปัญหาผิวพรรณ ฝ้า กระ (กิน ทา)
– ผิวคล้ำ แพ้แดด
– ปัญหาทางการได้ยิน
– โรคหลอดเลือดและหัวใจ
– ความดันโลหิตสูง
– ปัสสาวะบ่อย
– วัยทอง
– ผมร่วง (กิน ทา)
– เครียด ขี้หงุดหงิด
– ช่วยชะลอวัย
– ตีนกา (กิน ทา)
– หัวนมดำ (กิน ทา)
ขนาดรับประทาน
เด็ก อายุ 1-12 ปี
เพื่อป้องกัน 1 ซอฟเจลหลังอาหารเช้า
เพื่อแก้ไข 1 ซอฟเจล หลังอาหารเช้า-เย็น
วัยรุ่น 12.1-19 ปี
เพื่อป้องกัน 1 ซอฟเจลหลังอาหารเช้า-เย็น
เพื่อแก้ไข 1 ซอฟเจล หลังอาหารเช้า-เที่ยง-เย็น
19ปีขึ้นไป
เพื่อป้องกัน 1 ซอฟเจล หลังอาหารเช้า-เที่ยง-เย็น
เพื่อแก้ไข 2 ซอฟเจล หลังอาหารเช้า-เที่ยง-เย็น
ขนาดบรรจุ 180 ซอฟเจล